ประชาสัมพันธ์

วันนี้(27มิ.ย.) ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวปาฐกถา หัวข้อ มายาคติในอุดมศึกษาไทย เนื่องในวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบรอบ 83 ปี เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ว่า ขณะนี้ผู้คนในแวดวงอุดมศึกษา ตลอดจนคนข้างนอก ไม่ค่อยตระหนักว่ามหาวิทยาลัยไทยมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนส่วนงานราชการทั่วไป3 ประการ คือ 1.มหาวิทยาลัยทุกแห่งในไทยมี พ.ร.บ.จัดตั้งและกำหนดวิธีการบริหารงานไว้เป็นเอกเทศโดยเฉพาะ 2. มหาวิทยาลัยไทยบริหารแบบเบ็ดเสร็จโดยสภามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นองค์คณะบุคคล ที่มีอำนาจสูงสุด ไม่มีสายบังคับบัญชา และไม่มีใครสั่งสภามหาวิทยาลัยได้ และ 3.มหาวิทยาลัยมีอิสระ ในการบริหารทั้งคนและเงินได้อย่างเต็มที่

อดีตอธิการบดี มธ. กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้เกิดความเชื่อที่ผิดไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง กลายเป็นมายาคติของคน 4กลุ่ม คือ 1.ผู้กำหนดนโยบายภาครัฐ ที่ไม่เข้าใจจะให้มหาวิทยาลัยทำเหมือนกรม ในเรื่องงบประมาณ และอัตรากำลัง 2.ผู้บริหารการศึกษาของประเทศ โดยเฉพาะผู้บริหารในกระทรวงศึกษาธิการ ที่คิดว่าทำไมสั่งมหาวิทยาลัยไม่ได้ 3.ผู้บริหารมหาวิทยาลัย หรือ กรรมการสภามหาวิทยาลัย ต้องรับผิดชอบมาตรฐานที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และ4.ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้ง4กลุ่มมีความเชื่อที่ผิด นำไปสู่การกำหนดนโยบายการศึกษาที่ผิดพลาด นโยบายการบริหารภาครัฐที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งนโยบายการบริหารมหาวิทยาลัยที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง กลายเป็นปัญหาต่างๆในอุดมศึกษา

" แนวคิดเรื่องการตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา ก็อยู่ในกรอบมายาคติ ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับมหาวิทยาลัย เพียงแค่หน่วยงานจะกลายเป็นยักษ์ และจะกลับไปสู่ระบบสายการบังคับบัญชาแบบราชการ หน่วยประสานงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) จะกลายเป็นหน่วยสั่งการติดอาวุธบอกให้มหาวิทยาลัยทำงานมากขึ้น แต่ใครจะฟัง เพราะมหาวิทยาลัยมีสภาฯที่มีอำนาจสูงสุดอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนในอุดมศึกษาไม่เข้าใจธรรมชาติของมหาวิทยาลัย ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยมีความหวัง เรื่องปรับรื้อระบบอุดมศึกษาของประเทศ เพราะทั้งหมด คือ มายาคติในอุดมศึกษาไทย" ศ.ดร.สุรพล กล่าว