ทวิภาคี

โดยมี พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานในพิธี มอบเกียรติบัตร และโล่เกียรติคุณ ให้แก่ สถานประกอบการ จำนวน 47 บริษัท สถานศึกษา จำนวน 13 วิทยาลัย และนักศึกษา จำนวน 258 คน ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ซึ่งผลการดำเนินงานโครงการในรุ่นที่ 4 สรุปได้ดังนี้

1.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าเฉลี่ย 3.44 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยสูงสุดในโครงการ รุ่นที่ 1-4 เนื่องจากนักเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานประกอบการ ครูฝึก ครูนิเทศ มีความเข้าใจโครงการ มีการดูแลเอาใจใส่นักศึกษาในโครงการ ทำให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการสูงขึ้น 

2.นักศึกษาในรุ่นที่ 4 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการฝึกวินัยจากกองทัพ การจัดการเรียนการสอนในสถานประกอบการ ครูฝึก ครูนิเทศ การจัดแผนการเรียน 

3.นักศึกษาในรุ่นที่ 4 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากหลังจากการเข้าร่วมโครงการ ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของสถานประกอบการได้เป็นอย่างดี ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ กระตือรือร้นในการทำงาน มีทักษะในการแก้ปัญหางาน การทำงานและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ สามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝึกทวิภาคีไปใช้ในการเรียนต่อได้ มีความภูมิใจที่ได้เข้าร่วมโครงการในมากที่สุด 

ในโอกาสนี้ พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี กล่าวให้โอวาทแก่ผู้บริหารสถานประกอบการ ผู้สถานศึกษา ครูฝึก ครูนิเทศ มีใจความดังนี้ โครงการนี้ดี มีคุณค่าสำหรับประเทศไทย โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนของสังคม โครงการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงห่วงใยเยาวชน จึงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ มอบองคมนตรี 3 ท่าน ได้แก่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ พลเรือเอกจุมพล ปัจจุสานนท์ พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุก คิดหาวิธีสร้างคนดีให้บ้านเมือง องคมนตรี จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้น ประกอบด้วยองค์กรที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกันทำโครงการนี้มา ดังที่ท่านรองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ คุณถาวร ชลัษเฐียร ได้กล่าวไปแล้ว ซึ่งปีนี้เป็นรุ่นที่ 5 แล้ว กำลังฝึกอยู่ในสถานประกอบการ ซึ่งเมื่อจบรุ่นที่ 5 แล้ว จะสรุปผลการดำเนินการในระยะแรก เพื่อการแก้ไข ปรับปรุงต่อไป 

พลเอกกัมปนาทฯ ได้ตามเสด็จ ถวายอารักขา ในหลวง รัชกาลที่ 9 ตั้งแต่ปี 2523 ทรงรับสั่งเหมือนชื่องานคือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา การจะทำการสิ่งใด ต้องเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร เข้าให้ถึงแก่นของปัญหา แล้วพัฒนาจึงจะสำเร็จ การพัฒนาต้องระเบิดจากข้างในจึงจะได้ผล เหมือนโครงการนี้ คณะองคมนตรีท่านเดิม ทำมา 4 ปี พลเอกกัมปนาทฯ มาดำเนินการต่อในรุ่นที่ 5 ซึ่งนักศึกษาในโครงการรุ่นที่ 1-4 ถือเป็นผู้โชคดี ได้รับการฝึกวินัยเบื้องต้น ให้เป็นผู้มีระเบียบวินัย ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของการเป็นคนดี ได้รับโอกาสจากสถานประกอบการให้มีงานทำ เป็นไปตามนโยบายของในหลวง รัชกาลที่ 10 ที่ประกาศชัดเจนในวันรับขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 ว่า “พ่อเราทำงานมา 70 ปี สอนลูกไว้เยอะมาก วันนี้พ่อไม่ได้อยู่ จากเราไปแล้ว เราขอตั้งปณิธานว่า จะสืบสานงานของพ่อ ทำให้ดีขึ้น ทำให้คนไทยมีความสุข” รัชกาลที่ 10 ทรงเน้นย้ำตลอดเวลาว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ การศึกษาคือความมั่งคงของชาติ ทำอย่างไรที่จะสร้างคนรุ่นหลังให้เป็นคนดี มีคุณธรรม สร้างคนดีให้มากกว่าคนเก่ง สร้างให้คนมีคุณธรรม รู้จักแยกแยะ ผิดชอบชั่วดี ให้มีภูมิคุ้มกัน คิดเป็น ไม่ติดกับดักของประเทศที่เจริญแล้ว และเมื่อศึกษาจบไปแล้วมีงานทำ นำความรู้มาพัฒนาประเทศ 

จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้โครงการนี้ เดินหน้าต่อไปให้บรรลุเป้าหมาย ให้ดียิ่งขึ้นไป ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาทุกคนที่ผ่านโครงการนี้ ขอให้มุมานะ อดทน มุ่งมั่นหาความรู้ต่อไป ตั้งใจหาความรู้ต่อไปเรื่อยๆ หากอยากจะเรียนต่อระดับปริญญาตรี โท เอก ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ก็สามารถเรียนต่อได้ ดังที่นายกสภามหาวิทยาลัยฯ คุณวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ ได้กล่าวไปแล้ว ขอให้ทุกคนโชคดี ประสบแต่ความสุขตลอดไป... สวัสดีครับ